มาแล้วว"Olympus TG-6" กล้องถ่ายรูปใต้น้ำที่มาแรงที่สุดปี 2019 ยอดจองกระหน่ำเพราะฟังชั่นสุดเทพ!!

24 มิ.ย. 2562ยาว 3 นาที

*จองได้แล้ววันนี้พร้อมรับของจริงวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไปสำหรับรอบแรก #monkeydive #prodiveimaging #olympustg6 #underwatercamera #กล้องถ่ายรูปใต้น้ำ

กล้องถ่ายรูปใต้น้ำที่แรงที่สุด Olympus TG-6 อยู่ในมือพี่ลิงแล้วว!

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทางตัวแทนจำหน่ายกล้อง Olympus ในประเทศไทยได้เปิดตัวกล้องถ่ายรูปใต้น้ำรุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล TG นั้นก็คือ TG-6 นั่นเอง เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากรุ่น TG-5 ในไทยเมื่อปี 2017-2018 ที่เรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์กล้องสำหรับ new entry user หรือนักดำน้ำที่เพิ่งเริ่มจะใช้กล้องคอมแพคตัวนี้ มีการใช้งานกันอย่างล้นหลาม

ไม่เพียงเท่านี้เจ้า TG-5 ยังคงสร้างกระแสอย่างต่อเนื่องถึงฟังชั่นที่ครอบคลุมและประสิทธิภาพไฟล์ภาพและวีดีโอที่ทำให้ต้องร้องว้าวออกมา แม้แต่นักถ่ายภาพใต้น้ำบางคนยอมสละกล้องตัวใหญ่หันมาใช้เจ้า TG-5 เพราะพกพาง่ายและอุปกรณ์เสริมหลากหลาย อีกทั้งราคาเปิดตัวนั้นก็เรียกได้ว่าไม่แพงเลยกับคุณภาพที่มาพร้อมกับตัวกล้องใน segment นี้

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเด่นๆภายนอก เปรียบเทียบให้เห็นได้จากตัวกล้องและเฮ้าซิ่งของTG-5 และ TG-6

ด้านหน้าของกล้อง TG-5

กล่องสี่เหลี่ยมสีเหลือง - ชื่อ Olympus และตรงด้านขวาคำว่า F2.0 จะเป็นสีขาว

กล่องสี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน - สังเกตุว่าตรงวงแหวนครอบเลนส์จะเป็นสีเงิน

ด้านหน้าของกล้อง TG-6

กล่องสี่เหลี่ยมสีเหลือง - ทั้งตัวหนังสือ Olympus และคำว่า F2.0 เป็นสีดำด้าน

กล่องสี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน - ตรงวงแหวนเป็นสีแดง

Housing ด้านหน้าของ TG-5 (PT-058) และ TG-6 (PT-059)

ตามปกติแล้วตรงโลโก้ด้านขวาล่างชื่อรุ่น Tough พื้นหลังจะเป็นสีดำ (กล่องน้ำเงิน) แต่ของ TG-6 จะเป็นสีแดงเด่นชัด (กล่องเหลือง)

Housing ด้านหลัง TG-6

สังเกตุตรงส่วนใสที่เป็นพลาสติกรอบๆว่าจะมีความขุ่นมัวขึ้นกว่าตัว Housing ของ TG-5 ซึ่งตัวเคสเก่าของ TG-5 จะใสกว่ามาก เพราะทางผู้ผลิตเพิ่มความหนา ทำให้คงทนมากขึ้นนั่นเอง

ส่วนคำถามยอดฮิตที่ว่าHousing ของ TG-5 สามารถนำมาใช้กับกล้อง Tg-6 ได้หรือไม่นั้น ?

คำตอบจากทาง Olympus ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า " ไม่ได้" แต่เชื่อสิว่าจะมีคนลองเอาเจ้ากล้อง TG-6 เนี่ยไปใส่ใน Housing ของ TG-5 แน่ๆ ซึ่งทาง Olympus แจ้งไว้อย่างนี้......

......จริงอยู่ที่มันสามารถใส่เข้าไปแทนกันได้แต่ด้วย scale บางส่วนของกล้อง TG-6 นั้นเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อย่างเช่น ความหนาที่เพิ่มขึ้นตรงจอ LCD และปุ่มกดต่างๆ จึงทำให้เวลาใส่ Housing ของ TG-5 ลงไป กลไกที่กดลงไปจาก Housing สู่ปุ่มกดต่างๆที่สัมผัสนั้นจะมี"ความหนืด"เกิดขึ้น

......ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นเหตุผลว่าหากเราเผลอใช้ไปในระยะยาว จะส่งผลให้ตัวปุ่มกดต่างๆของ TG-6 มีปัญหาอย่างแน่นอน ซึ่งหากมีคนที่ลองเอาไปใช้แล้วเกิดปัญหาดังกล่าวแล้วนำมาส่งซ่อมเพื่อขอเคลมประกัน หากทางร้านตรวจสอบว่าเป็นการใช้ในรูปแบบอย่างที่แจ้งไว้ จะทำให้ไม่อยู่ในเงื่อนในประกันทันที! เพราะฉะนั้นอย่าเสี่ยงกันเลยนะจ๊ะ!!

เอาละ!! ทีนี้มาถึงฟังชั่นการทำงานที่เป็นจุดสำคัญในการเปลี่ยนแปลงจนมาเป็น TG-6 ตัวนี้กันดีกว่า ซึ่งแน่นอนว่ามันเปลี่ยนแน่ๆแหละ เพราะทาง Olympus ได้หาข้อด้อย (โดยการสอบถามจากผู้ใช้จริง) ของผู้ใช้เจ้า TG-5 ว่าตรงโหมดไหนที่จะสามารถเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้มากยิ่งขึ้นและสิ่งไหนที่อยากจะให้มีเพิ่ม ซึ่งขอบอกไว้เลยว่า "มันเทพมาก"

4 ฟังชั่นหลักของ Olympus TG-6 ในโหมดต่างๆ (ซึ่งไม่มีใน TG-5)

1.Variable Macro System คืิอ ระบบการตั้งค่าถ่ายภาพ Super Macro (ถ่ายตัวจิ๋วๆ)โดยการที่สามารถปรับค่า F (รูรับแสง) ในทุกโหมด ย้ำ!!ว่าทุกโหมด (โหมด P,A หรือ Auto) โดยไม่ต้องจำกัดอยู่ที่โหมด Microscope เหมือนรุ่นก่อนๆ

ซึ่ง TG-6 สามารถ ถ่ายภาพ Super Macro แรงขยาย 7x focus ใกล้สุดที่ 1cm จากหน้าเลนส์ ได้เลยใน โหมดใน Mode P หรือ โหมด A ให้คุณสามารถ ถ่ายภาพตัวจิ๋วได้ แบบคมชัดทั้งภาพเมื่อ เปิด F แคบ หรือ ถ่าย Macro พื้นหลังดำได้ง่ายเมื่อเปิด F แคบซึ่งรุ่นก่อนทำไม่ได้!

*Super Macro สามารถปรับได้โดยปรับที่ AF mode เป็น AF Super Macro เจ๋งใช่ปะล้าาา!!

2. 4K Super Macro VDO คือ การถ่ายวีดีโอแบบ Super Macro ด้วยความชัดแบบ Ultra High Definition (เป็นระดับความชัด ที่ชัดที่สุดในตอนนี้)

ต้องปรบมือรัวๆๆสุดๆ สำหรับชาว Macro กับกล้อง compact ราคาเข้าถึงได้!! และ ยังสามารถถ่าย 4K Wide Angle VDO และ High speed 120fps FULL HD” ได้ในโหมด A & P อีกด้วย ซึ่งรุ่นก่อนสามารถถ่าย 4K movie ได้ใน โหมด “Movie” เท่านั้นและ VDO ที่ได้ไม่ใช่ Super Macro แต่ TG-6 “ทำได้” สุดยอดแห่งความเว่อวังอลังการมากๆ

3.Lowest Shutter Speed Setting คือการตั้งค่ากล้องแบบ Manual ในสปีดชัตเตอร์ (เหมือนกล้องโปร)

สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งมาเล่นกล้อง กับโหมดใหม่!อันนี้ของ TG-6 จะงงๆหน่อยเพราะเอาไว้ใช้กับการตั้งค่าสปีดชัตเตอร์ในสภาวะของ Objects ที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อให้ภาพที่ออกมาแบบนิ่งสนิทและคม ชัด ลึกแบบที่เราเคยเห็นกันตามนิตยสารสารคดีต่างๆ

ซึ่งต้องบอกเลยว่า เจ้า TG-6 เนี๊ยะ “สามารถปรับได้ใกล้เคียงโหมด manual เป็นครั้งแรก” กับ การตั้งค่าแบบใหม่ที่ทุกคนรอคอย ในโหมด ISO-Auto ให้คุณสามารถ Pre-Set ค่า Shutter Speed ต่ำสุด ได้ไวสุดถึง 1/500 sec ให้คุณมั่นใจว่าจะได้ภาพที่คม ไม่เบลอ ฝูงปลาหยุดนิ่ง หรือถ่ายภาพ Wide ใน Background ภาพที่มืดขึ้นนั่นเอง

*โหมดนี้สามารถใช้ได้เมื่อตั้งค่า IOS แบบ Auto เท่านั้น ตัว TG-6 สามารถตั้งค่า IOS Auto Default ได้ และ IOS upper Limit ได้

Tip: เพื่อความคมชัดควรตั้งค่าเริ่มต้น (Default) ที่ 100 และตั้งค่า Upper Limte ที่ 400

4.3-Steps AUTO Underwater White Balance คือโหมดอัตโนมัติสำหรับปรับค่าแสงในรูป 3 ระดับเพื่อให้ได้สีภาพที่ดีที่สุด

บอกเลยว่าโหมดนี้เป็นโหมดช่วยเหลือนักดำน้ำมือใหม่ๆในการถ่ายรูปครั้งแรก ให้ได้ภาพที่สมบูรณ์และสมจริงมากยิ่งขึ้น (โดยไม่จำเป็นต้องมาแก้ White balance หลังกล้องทีหลัง) ซึ่งในโหมด

“Auto Underwater White Balance แบบใหม่” ที่มีให้เลือก White Balance ออกเป็น 3 ระดับ คือ

Shallow - สำหรับ ดำน้ำความลึกไม่เกิน 3 เมตร เหมาะสำหรับชาว Snorkeling & Skindiving

Mid-Range - สำหรับ ดำน้ำความลึก ตั้งแต่ 3-15 เมตร เหมาะสำหรับชาว Scuba & Freedivers

Deep - สำหรับ ดำน้ำความลึก ตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป เหมาะสำหรับชาว Scuba & Advanced Freedivers

4 จุดเด่นใหม่อื่นๆ

1. 5 Underwater mode - ที่ยก Underwater Microscope มาเลย ไม่ต้อง หมุนไปที่โหมด Microscope อีกต่อไป 2. Higher LCD Resolution - กับหน้าจอ แสดงผล LCD ที่ชัดขึ้น กับ Pixels ที่มากถึง 1 ล้าน Pixels มากกว่า LCD ของ TG-5 กว่า 2 เท่า

3. Digital Teleconveter - กับ Digital Crop 2x ในกรณีที่ต้องการ crop ภาพเลย หรือ crop ภาพ super macro (ใช้ได้ในโหมด P, A , Movie)

Tip: ปุ่มนี้จะอยู่ใกล้กับจอ LCD ด้านขวา (ในวงริมซ้าย) ซึ่งอาจทำให้เผลอไปกดโดนได้อย่างไม่ทันตั้งตัวซึ่งจะทำให้ภาพที่ได้ crop เองและความละเอียดจะหายไป ยังไงก็ระวังๆกันหน่อย 4. สามารถใส่ DATE & TIME STAMP ในรูปได้

9 จุดเด่นเก่าที่ยังคงอยู่ใน TG-6

1.กันน้ำ 15 เมตร (แบบไม่มี Housing) / กันความเย็น -10 องศา / กันการบีบอัดได้ถึง 100 กิโลกรัม / กันการตกกระแทกที่ความสูง 2.1 เมตร

2.Pro-capture mode จับภาพจังหวะก่อนหน้าในเสี้ยววินาทีของวัตถุหรือฉากที่มีความเร็วสูง

3.LIVE composite สำหรับถ่ายดาวหรือพลุ

4.Field Sensor System เก็บข้อมูล GPS, compass,Manometer,Temperature meter, Accelerator Meter

5.Custom mode ตั้งค่าที่คุณชอบเก็บไว้ได้ 2 โหมด C1,C2

6.Processor และ Sensor รับภาพเป็นแบบเดียวกันกับกล้องรุ่น E-M1-MKII

7.เลนส์ความไวแสงสูง F2.0 ความยาวโฟกัส 25-100mm.

8.โหมดการถ่ายภาพแบบ Macro ขั้นสูง Microscope mode,Microscope control,Focus stacking,Focus bracketing

9.Art Filters มีทั้งหมด 16 แบบ เพิ่มมาใหม่ 2 แบบคือ Bleach Bypass และ Instant film

สำหรับใครที่กำลังคิดว่าจะซื้อ TG-6 ดีมั้ย พี่ลิงมีขอแนะนำให้คือใครที่ยังไม่มีกล้องตัวแรกแล้วคิดว่าจะซื้อ อย่ารอช้า!! รีบจองเถอะเพราะว่ามันคุ้มแสนคุ้ม ส่วนใครที่มี TG-5 อยู่ในมืออยู่แล้ว เอาจริงๆคือประสิทธิภาพของภาพถ่ายนั้นแทบจะใช้ได้เหมือนกันทุกอย่างเพียงแต่ TG-6 ออกแบบมาให้ใช้สะดวกได้มากขึ้นกว่าเดิมและมีการเซทค่า Speed Shutter แบบ Manual ได้ขึ้น ที่จะแตกต่างก็คือในส่วนของโหมด 4K Super Macro VDO เท่านั้นเอง